แก้วมังกร ผลไม้สุขภาพและความงาม

แก้วมังกร (Dargon frut) คือ

แก้วมังกร ( Dragon Fruit ) คือ ผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกากลาง โดยค้นพบตั้งแต่ประมาณ 100 ปีที่แล้ว ซึ่งบาทหลวงชาวฝรั่งเศสได้นำแก้วมังกรเข้ามาปลูกที่ เวียดนาม โดยเน้นปลูกตามแถบชายฝั่งทะเลตะวันออกจากเมืองนาตรังทางเหนือลงไปทางใต้เป็นหลัก จนกลายเป็นผลไม้ที่ชาวเวียดนามนิยมปลูกจนถือได้ว่าเป็นผลไม้ท้องถิ่นของเวียดนามเลยทีเดียว และสำหรับในประเทศไทยนั้น แก้วมังกรได้มีการนำเข้ามาในราวๆ 50 ปีก่อน แต่เริ่มแรกจะยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก จนเวลาล่วงเลยมาประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมานี้ ก็ได้มีการนำเข้าแก้วมังกรสายพันธุ์ดีมาปลูกอีกครั้ง โดยแก้วมังกรชนิดนี้จะมีรสชาติหวาน ชุ่มฉ่ำจึงเริ่มกลายเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ถือเป็นพืชเศรษฐกิจของไทยเราเลยทีเดียว

แก้วมังกร

แก้วมังกร นั้นถูกจัดอยู่ในจำพวกเดียวกันกับกระบองเพชร ที่ลำต้นจะมีแฉกสามแฉกคล้ายกับมังกรและมีหนามเป็นกระจุก มีลักษณะเป็นไม้เลื้อยซึ่งมีลำต้นยาวประมาณ 5 เมตร ทำให้ต้องมีการทำค้างเพื่อพยุงลำต้นเอาไว้ ส่วนดอกของแก้วมังกร ก็จะมีลักษณะคล้ายกรวยขนาดใหญ่ สีขาว นิยมบานในเวลากลางคืน จึงถูกเรียกว่า Moon Flower Slotxo นั่นเอง ส่วนผลของแก้วมังกร เมื่อดิบจะมีเปลือกสีเขียว บาคาร่า มีกลีบเลี้ยงติดอยู่ตามเปลือก และเมื่อสุกผิวเปลือกจะกลายเป็นสีแดงอมม่วงดูน่าทาน ส่วนเนื้อด้านในก็จะมีทั้งสีแดงและสีขาวเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีเมล็ดสีดำฝังอยู่ทั่วเนื้อผลอีกด้วย แต่สามารถทานได้โดยไม่ต้องเอาออก และในแก้วมังกรยังมีสารสีแดงที่ชื่อว่า เบตาเลน ( Betalain ) มากที่สุด

สายพันธุ์ของแก้วมังกร

สายพันธุ์แก้วมังกรที่นิยมปลูกสำหรับสายพันธุ์ของแก้วมังกรที่นิยมนำมาปลูกก็จะมี 3 สายพันธุ์ คือ

1.แก้วมังกรสายพันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดง สายพันธุ์นี้จะมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Hylocercus Undatus
ชื่อสามัญ : White Dragon Fruit โดยจะมีลักษณะผลเป็นทรงกลมรี เปลือกเป็นสีชมพูสดและมีปลายกลีบสีเขียว เนื้อจะมีสีขาวและมีเมล็ดสีดำแทรกอยู่ ส่วนรสชาติก็จะมีทั้งหวานอมเปรี้ยวจนถึงหวานจัดกันเลยทีเดียว

แก้วมังกร

2.แก้วมังกรสายพันธุ์เนื้อแดงเปลือกแดง สายพันธุ์นี้จะมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Hylocereus Polyrhizus
ชื่อสามัญ : Red Dragon Fruit ซึ่งผลจะเป็นทรงกลมมีเปลือกสีแดงจัด ผลเล็กกว่าแบบแรกเล็กน้อยและมีรสชาติที่หวานกว่าอีกด้วย ส่วนเนื้อก็จะเป็นสีแดงและมีเมล็ดสีดำแทรกกระจายอยู่เช่นกัน โดยสายพันธุ์นี้ก็มีการนำเข้ามาจากไต้หวันนั่นเอง แถมยังมีคุณสมบัติที่จะช่วยควบคุมน้ำตาลกลูโคสในผู้ป่วยเบาหวานได้ดีอีกด้วย พร้อมทั้งช่วยลดระดับ LDL และไตรกลีเซอไรด์ให้ต่ำลงได้เช่นกัน

3.แก้วมังกรสายพันธุ์เนื้อขาวเปลือกเหลือง สายพันธุ์นี้จะมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Hylocercus megalanthus
ชื่อสามัญ : Yellow Dragon มีลักษณะผลรูปไข่ เปลือกหนาสีเหลือง เนื้อสีขาว ผลเล็กกว่าพันธุ์อื่น ๆ เนื้อสีขาว เมล็ดขนาดใหญ่และมีน้อยกว่าพันธุ์อื่น มีรสหวาน

สรรพคุณแก้วมังกร

  • บรรเทาอาการ เลือดจาง และเสริมธาตุเหล็กให้กับร่างกาย
  • ลดความเสี่ยง โรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน และมะเร็ง
  • เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับ กระดูกและฟัน จึงช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนในสาววัยทองได้ดี
  • แก้วมังกร อุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินมากมาย เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ธาตุเหล็กและวิตามินบี 3 รวมถึงวิตามินซีด้วย
  • ช่วยบำรุง ผิวพรรณให้สวยกระจ่างใสและเรียบเนียนยิ่งขึ้น
  • สามารถบำรุงและป้องกันโรคต่างๆ เกี่ยวกับสายตาได้ดี
  • แก้วมังกรมี ไลโคปีนสูง ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยมีฤทธิ์ในการต้านได้สูงกว่าวิตามินอีถึง 100 เท่า และสูงกว่ากลูตาไธโอนถึง 125 เท่าอีกด้วย โดยจะช่วยชะลอความเสี่ยมของเซลล์และทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ลงได้เป็นอย่างดี
  • ลดความเสี่ยงการตาบอดในผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป
  • อุดมไปด้วยกากใยสูง ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและจะช่วยการทำงานของระบบขับถ่ายได้ดี
  • เมล็ดมีไขมันชนิดไม่อิ่มตัวที่จะช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดูสดชื่น ผ่องใสและดูมีสุขภาพผิวที่ดีสุดๆและนี่ก็คือแก้วมังกรที่นิยมปลูกมากในไทยเราและประโยชน์อีกมากมายที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง โดยเฉพาะแก้วมังกรที่มีเนื้อสีแดงเพราะจะอุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่มากกว่านั่นเอง

การปลูกแก้วมังกร

เมื่อเราได้กิ่งพัธุ์มาแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องลงแรงลงปลูกแก้วมังกร ซึ่งเราสามารถจะปลูกที่กระถางหรือแปลงดินก็ได้นะ

  1. ให้เราตั้งเสาให้กระถางหรือแปลงปลูก เสาที่เราเลือกจะสูง 1.5–2.0 เมตร
  2. นำขุยมะพร้าวใส่ลองก้น 1ใน3 ของหลุม ใส่ปุ๋ยคอกลงไปในกระถางหรือหลุมจนเกือบเต็ม
  3. นำต้นแก้วมังกร 4–5 ต้น ปลูกรอบโคนเสา แล้วใช้ดินกลบให้เต็มหลุม
  4. ใช้เชือกมัดต้นแก้วมังกรยึดไว้กับเสาเพื่อป้องกันไม่ให้ต้นล้มหัก

การดูแลรักษาแก้วมังกร

  1. ต้นแก้วมังกรเป็นไม้ตระกูลเดียวกับต้นตะบองเพชรจึงไม่ค่อยชอบน้ำ เราจึงไม่จำเป็นในการรดน้ำบ่อยๆ เพียงแค่ในฤดูหนาวและฤดูร้อนให้รดน้ำแค่สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็พอ ส่วนในฤดูฝนเราก็ไม่ต้องรดน้ำก็ได้
  2. หลังจากที่เราปลูกได้ 1 เดือน ให้เราโรยด้วยมูลสัตว์หรือปุ๋ยอินทรีย์
  3. วางแผนใส่ปุ๋ยในการบำรุง ให้ได้ปีละ 2–3 ครั้ง ครั้งแรกเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ครั้งที่ 2 ให้ใส่ปุ๋ยในช่วงเดือนมกราคม ครั้งที่ 3 ให้ใส่ปุ๋ยในช่วงเดือนเมษายน
  4. อย่าลืมถอนหญ้าที่ขึ้นตรงโคนต้นทิ้งด้วยนะ จะได้ไม่มีใครมาแย่งอาหาร ให้ต้นแก้วมังกรของเราได้รับอาหารเต็มที่

เคล็ดลับการเก็บแก้วมังกร

  1. ดอกแก้วมังกรจะบานรอรับการผสมพันธุ์ ประมาณ 1 ทุ่ม ถึง 8 โมงเช้า ซึ่งจะมีกลิ่นหอม เย็น และให้เราได้ชมความงานประมาณ 3 วัน
  2. หลังจากออกดอกเราก็นับวันรอแก้วมังกรลูกฉ่ำๆอร่อยๆ ซึ่งเราสามารถเก็บได้เมื่อลูกอายุ 50–55 วัน
  3. เมื่อผลแก้วมังกรมีสีแดงทั่วทั้งผลแล้ว เราก็ให้ใช้กรรไกรตัดกิ่ง มาตัดตรงผลของแก้วมังกรออกมาจากกิ่ง โดยระวังไม่ให้กิ่งเสียหาย
  4. แก้วมังกรสามารถออกดอกได้ 22 ครั้งต่อปี เมื่อแก้วมังกรอายุ 2–3 ปี

แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มาก รสชาติอร่อย แถมปลูกง่ายเหมือนตะบองเพชรเราดูแลบ้างไม่มากก็รอดให้ผลเรามาทานได้

ก่อนจะปลูกเราต้องศึกษาวิธีการปลูกและก็หากิ่งพันธุ์ที่ต้องการมาปลูก เพราะทุกวันนี้แก้วมังกรมีหลายพันธุ์มาก เช่น เวียตนาม เนื้อขาว, ไต้หวัน เนื้อแดง, แดงสยาม เนื้อแดง, ไทยดอกบัว เนื้อขาว ซึ่งมีความอร่อยทุกพัธุ์เลย

เราสามารถทดลองปลูกหรือจะสะสมเป็นงานอดิเรก เย็นๆหลังเลิกงานออกไปดูการเติบโตของแก้วมังกร ถ้ามีลูกเราก็เก็บทานสดๆกันได้เลย

เว็บไซต์บันเทิง : PG SLOT , PG SLOT , อนิเมะ ซีรี่ย์ , ซูปเปอร์คาร์ , สุขภาพ

อ่านบทความเพิ่มเติม pg slot